ร่ำรวย อำนาจ วาสนาดี ฐานะดี บารมีมั่งคั่งมั่นคง มีกินมีใช้ ไม่อับจน ไม่ตกต่ำ
หมวดหมู่ : พระพุทธรูปบูชาถวายวัดหรือนำกลับบ้านเพื่อบูชา , 
Share
พระพุทธรูปมหารัศมีบารมีอุดมชัยราหูทรงฤทธิ์ พระเหนือดวง
ร่ำรวย อำนาจ วาสนาดี ฐานะดี บารมีมั่งคั่งมั่นคง มีกินมีใช้ ไม่อับจน ไม่ตกต่ำ เป็นที่รักของมนุษย์และทวยเทพเทวาทั้งหลาย ผิวพรรณงดงาม เจริญด้วยแก้วสามประการ ปรถานาสิ่งใดก็สมปรารถนาสิ่งนั้นอานิสงค์มากมายมหาศาลจนพระเกจิครูบาอาจารย์สมัยก่อนก็เคยออกมาสอนและกล่าวไว้หลายท่านเช่น
1.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ....ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง 5 กัป........
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า"การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือ ว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก(เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่า คนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก" เพราะบัญชีสีทอง หลวงพ่อฯบอกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องโมทนาหมด......
2.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว...กล่าวว่า.....ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้าจะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน
3.หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา......การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้น จะเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีผู้มากราบไหว้ สักการะบูชา เท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง
4.หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม กล่าวว่า..การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทาน ในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี"ความเห็นตรง เห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่า เป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย
พุทธศิลคุณประโยชน์ควรค่าแก่การได้ครอบครอง
พระพุทธเจ้านั่งบนก้อนเมฆอยู่เหนือพระราหู พระพุทธเจ้าทรงราหู พระคุ้มดวง
การใช้ศิลปะจากจินตนาการของศิลปิน(ครูบาร์อาจารย์) ในการประยุคเข้ากับพระพุทธศาสนา จึงทำไห้เกิดพุทธศิลอันทรงคุณค่า ไห้เป็นเครื่องเตือนสติ เพื่อเกิดปัญญากับพุทธศาสนิกชน
พุทธศิลป์ที่มีนัยยะความหมายสำคัญดังนี้
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกของโลก ซึ่งอยู่เหนือเหล่าสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่เหนือทวยเทพธรรมบาลทั้งหลาย เป็นตัวแทนของคุณงามความดีที่สูงที่สุด ไม่มีผู้ใดสามารถเท่าเทียมได้ ซึ่งอยู่เหนืออสูรเทพราหู
อสูรเทพอินทรราหู อีกมุมหนึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ดำมืด คืออวิชา คือกิเลส คือไฟ คือความลุ่มหลง
ดังนั้นจึงเป็นการอุปมาอุปมัยไห้เห็นถึงคุณงามความดีอันสูงสุดซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุดของเหล่าภิภพสากลโลกนี้ อยู่เหนือความชั่วทั้งปวง เป็นสัญลักษณ์ครื่องเตือนสติ กับผู้คนทั้งปวงไห้อยู่ในศีลในธรรม ไม่หลงมัวเมาในกิเลสตัณหา ไห้ผู้คนทำความดีละเว้นความชั่ว
จุดประสงค์ในการสร้างรูปลักษณะพุทธศิลป์นี้ขึ้นเป็น สัญลักษณ์บอกไห้ทุกคนได้รู้ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม ศีลอันบริสุทธ์สีขาวย่อมอยู่เหนือสุดของความมืดเสมอ แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่แตกออกจากกัน อยู่ที่ปัญญาจะเล็งเห็น ในขาวยังมีดำในดำยังมีขาว ในดวงกายของเทพเจ้ายังมีดวงจิตแห่งมาร ในดวงจิตแห่งมารยังมีกายของเทพเจ้า มนุษย์ทุกผู้ทุกตน แม้กระทั่งพระราหูในอีกไม่นาน ต้องเข้าสู่พระปรินิพพาน ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ ดังนั้น พุทธศิลป์ที่ทำขึ้นนี้ มีความหมายและเป็นเครื่องหมายเตือนสติว่า ไห้ผู้คนตระหนักในคุณงามความดี ดำเนินตนด้วยความไม่ประมาท เกรงกลัวต่อบาป หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ถือศีลภาวนา เป็นกุศโลบายในการที่จะไห้เหล่าพุทธศาสนิกชนเห็นบาปบุญ หันมาสร้างความดี และเป็นการตอกจิตสำนึกไห้ผู้คนตั้งอยู่บนคุณงามความดี ไม่ทำความชั่ว
ในมุมมองทางด้านพุทธศิลป์ในประเทศไทย พุทธศิลป์คืองานด้านศิลปะต่างๆ พุทธศิลป์ คือวัตถุที่สร้างขึ้นมาเพื่อควรค่าแก่การกราบไหว้บูชา การสร้างสิ่งที่ดีงาม ไห้ข้อคิด ไห้แง่คิด ไห้หลักคิด เตือนสติ
กล่าวคือเป็นงานพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นจิตวิญญาณขั้นสูงของจินตนาการของครูบาร์อาจารย์ มีความแพร่หลายเยอะแยะมากมายในประเทศไทย ที่เป็นงานลักษณะเดียวกันนี้ สามารถตามดูผลงานของอาจารย์หลายๆท่านในประเทศไทยได้ เพื่อเป็นความรู้ข้อมูลเพิ่มเติม
เป็นการนำพระพุทธเจ้าและราหูมารวมเข้าด้วยกันเรียกว่าพุทธศิลป์ พุทธศิลป์คือจินตนาการที่ก่อเกิดจากศิปลปะวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาตามจินตนาการของครูบาร์อาจารย์ เช่นอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ผู้สร้างวัดร่องขุ่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในกรอบของความเคารพและศรัทธา ไม่เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา และไม่ลบหลู่ไม่ดูถูกหลักศาสนาอื่น ก็ถือว่าเป็นอันใช้ได้ จุดประสงค์ ไห้เป็นไปในคุณงามความดี เพื่อช่วยเหลือผู้คน เตือนสติผู้คน เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้คน
อีกนัยยะสำคัญหนึ่งที่เกี่ยวกับทางด้านโหราศาสตร์ นั้นก็คือ เมื่อใดที่เกิดปัญหา ความวุ่นวาย การเปลี่ยนแปลง หรือภัยพิบัติ วิบากกรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับ ประเทศ หรือ ตัวบุคคลในทางโหราศาสตร์ ดาวราหู ก็มักจะถูกพาดพิง อ้างอิงถึงเสมอ ว่าเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง ความวุ่นวาย อุปสรรค โรคภัย หรือ ภัยพิบัตินั้นๆ ทั้งนี้เพราะดาวดวงนี้ เป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่ ที่ให้โทษรุนแรง
ดาวนพพระเคระห์ทั้ง9 คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัส พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ
พระราหูมีอิทธิพลต่อดวงชะตาราศรีของมนุษย์ ถ้าพระราหูไปเสวยอายุของวันใดดวงใด ดวงนั้นก็จะมีแต่ความเดือนดร้อนวุ่วาย ดังนั้นนักโหราศาสตร์จึงแนะนำไห้ไปทำบุญไหว้พระราหู เพราะตามอุปลักษณะนิสัยของราหูนั้น ใครไหว้ข้าข้าไห้ ใครไม่ไหว้ข้าข้ากิน
ผู้ใดที่ตกปีราหูถึงต้องไปไหว้พระราหูเพื่อขอโชคขอลาภของโชคชะตาราศรีที่ดี แต่ถ้าไม่ขอชีวิตก็จะตกอับทำมาค้าขายไม่ขึ้น จึกมีคำที่นักโหราศาสตร์พูดขึ้นมาสำหรับคนที่โดนราหูเสวยอายูนั้นคือ จะเอารวยหรือเอาจน ถ้าเอาถ้าจะเอารวยก็ไห้ไปไหว้ราหูซ่ะ รับราหูไห้เข้ามาเสวยในดวงชะตาอายุในช่วงนั้นของตน บูชาราหูซะ มีแต่รวยกับรวย เปลี่ยนร้ายไห้หลายเป็นดี พลิกหน้ามือไห้เป็นหลังมือ ดีตลอดทั้งปี แต่ถ้าผู้ใดไม่รู้ ไม่ไหว้ ไม่ไปรับราหูก็เรียบร้อยดวงชะตาชีวิตดิ่งลง ดวงตก เกิดเคราะห์ เกิดสิ่งที่ไม่ดีกับชีวิต ล้มละลายในหน้าที่การงาน
เพระฉะนั้นในดวงของมนุษย์เรานั้น ใน9ปี จะถูกพระราหูเสวยอายุ 1ครั้ง พระราหูมีกำลังเป็น12 สามารถเสวยอายุของเราได้ถึง12ปี ยกตัวอย่างเช่น คนที่ล้มละลายเป็นระยะเวลายาวนาน 10กว่าปี ถึงจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ นั่นแหละเค้าโดนราหูเสวยอายุและไม่ได้ไปกราบไหว้รับราหู แต่ถ้าเราไหว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ไม่ก่อเกิดความเสียหาย พอถึงเวลาพระราหูเข้าเสวยอายุเราก็ได้ไหว้แล้ว เราไม่ได้เป็นปรปักษ์กับพระราหู โดยการบูชาพระราหูและรับท่านเข้ามา อยากได้อะไรก็ขอเอา ท่านก็จะประทานไห้ เป็นต้น ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้เสวยอายุเรา เราก็สามารถบูชา ท่านได้ เพื่อก่อเกิดสิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง